เชื่อว่าแค่ภาพถ่ายใบเดียวที่ถูกแชร์ในเฟซบุ๊กเพียงชั่วข้ามคืน จะทำให้แม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยวธรรมดาๆคนหนึ่งโด่งดังไปทั่วประเทศ เป็นภาพถ่ายขณะที่ นางอัมพร โพธิ์ศรี วัย 46 เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวหมูโบราณ นายทองสุข ตรงข้ามวัดศาลเจ้า อ.เมือง จ.ปทุมธานี กำลังนั่งคุกเข่าเบื้องพระพักตร์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ด้วยสีหน้าปลาบปลื้มใจยิ่ง เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นโดยที่เธอไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยด้วยซ้ำ เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อวันหนึ่งของเดือนมิถุนายน ปี2553 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จฯเป็นการส่วนพระองค์มาที่ร้านก๋วยเตี๋ยวแห่งนี้ โดยมิได้มีการแจ้งล่วงหน้า ทรงสั่งและเสวยก๋วยเตี๋ยวหมูโบราณอย่างไม่ถือพระองค์เลยแม้แต่น้อย ท่ามกลางความประทับใจของประชาชนที่อยู่ในเหตุการณ์ อัมพร ยังจดจำวันนั้นได้อย่างแม่นยำ จำได้ว่าวันนั้นเป็นวันเข้าพรรษา คนมาทำบุญที่วัด มาเที่ยวกันที่ตลาดท่าน้ำกันเยอะมาก ร้านเราคนแน่นทุกโต๊ะเลย ประมาณ 11โมง พี่ยืนปรุงก๋วยเตี๋ยวอยู่ ก็เห็นว่ามีตำรวจมากันเต็มเลย แล้วก็มีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งเดินมาบอกว่าขอกันพื้นที่ไว้โต๊ะนึง สมเด็จพระเทพฯท่านจะเสด็จฯมาเสวยก๋วยเตี๋ยวที่ร้าน เราก็ตกใจตั้งตัวไม่ทัน ตอนนั้นโต๊ะก็เป็นเหล็ก เก้าอี้พลาสติก ถ้วยชามธรรมดาๆ ไม่มีอะไรพิเศษ ก็กลัวว่าจะไม่เหมาะกับพระองค์ท่าน กลัวจะไม่สะดวกสบาย
ว่าบรรยากาศของตลาดท่าน้ำวัดศาลเจ้าขณะนั้นเป็นปกติ คนเดินกันพลุกพล่าน ลูกค้าทางร้านก็นั่งก้มหน้าก้มตากินก๋วยเตี๋ยว เสียงพ่อค้าแม่ค้าดังโหวกเหวก “แล้วเจ้าหน้าที่คนเดิมก็มาตามให้ไปรอรับเสด็จฯ บอกให้ไปกันทั้งร้านเลย พวกเราตื่นเต้นกันใหญ่ เมื่อพระองค์ท่านเสด็จฯเข้ามา ภาพที่เกิดขึ้นตอนนั้นคือทุกคนที่นั่งเก้าอี้ หรือเดินอยู่ จู่ๆก็ลุกพรึ่บโดยอัตโนมัติ พากันลงนั่งคุกเข่ากับพื้นพร้อมกันทั้งร้านเลย พระองค์ท่านยิ้มแย้มทักทาย ทรงรับสั่งว่า’ไม่เป็นไร ทำตัวตามปกติ ตามสบาย’ แล้วทรงสั่งเส้นเล็กแห้ง 1 ชามมาเสวยพร้อมกับข้าราชบริพารที่ติดตามมาด้วย”
จาก นั้นสมเด็จพระเทพฯ ทรงเรียกอัมพรมาคุย ไถ่ถามเรื่องทั่วไป เป็นต้นว่าทองสุขคือชื่อใคร เปิดมากี่ปีแล้ว เมื่อตอบว่าทองสุขคือชื่อคุณพ่อ เปิดมานาน 55 ปีแล้ว พระองค์ทรงตรัสถามต่อว่าแล้วแม่ล่ะไปไหน ไปเรียกมาคุยหน่อย อัมพรจึงไปประคองแม่ ฮุ่ยเค็ง แซ่ตั๊ง มานั่งคุยด้วย “พระองค์ท่านตรัสให้แม่นั่งเก้าอี้ ไม่ต้องนั่งพื้น เพราะเห็นว่าอายุมากแล้ว เกรงว่าเข่าขาจะไม่ดี พระองค์ท่านใจดีมาก พูดคุยเป็นกันเอง เหมือนคนธรรมดา น้ำเสียงนุ่มนวล ไม่ถือพระองค์เลย ก่อนกลับท่านรับสั่งให้แม่ชงโอเลี้ยงถวาย 2 แก้ว แถมใส่กระติกกลับไปด้วย แล้วท่านก็รับสั่งให้คิดเงิน เราไม่อยากรับ เพราะแค่พระองค์เสด็จฯมาก็เป็นบุญของพวกเราแล้ว ท่านบอกไม่รับไม่ได้ พระองค์ทรงพระราชทานเงินใส่ซองมาให้ 5,000 บาท รับสั่งว่าเอาไว้เป็นขวัญถุง”
No comments: